บรรณานุกรม

 

กมล เครื่องนันตา. (2552). พฤติกรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ต่อการรับข่าวสารผ่านสื่อ ออนไลน์. การค้นคว้าแบบอิสระ ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

กุลชา สุนทรสิงห์. (2551). การเปิดรับข่าวสาร ทัศนคติ และพฤติกรรมการแต่งกายเซ็กซี่ของวัยรุ่น หญิงในเขตกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

ปิยะฉัตร พรหมมา. (2556). การเปิดรับข่าวสาร ความผูกพัน และการตอบสนองของผู้บริโภคต่อการ สื่อสารผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

รัญญา นาคนุ่น. (2558). การสำรวจพฤติกรรมการเปิดรับข่าวสารทางสื่อออนไลน์ (สื่ออินเตอร์เน็ต) และทัศนคติที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์สบู่แครอทฟิลิปปินส์ที่จำหน่ายทางออนไลน์. สืบค้นจาก http://dspace.bu.ac.th/jspui/bitstream/123456789/1170/1/ranya_nakn.pdf

กมลณัฐ โตจินดา. (2556). การศึกษาพฤติกรรมการใช้บริการ Social Network ของนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่. สืบค้นจาก http://library.cmu.ac.th/faculty/econ/Exer751409/2556/Exer2556_no8





 ภาพที่1-3 สมาชิกกลุ่มอธิบายจุดประสงค์วิธีการตอบและวิธีการตอบแบบสอบถามแกนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง




 ภาพที่4-6 นางสาวนัฐธมน ฉายวิเศษ ทำการนับและจำแนกแบบสอบถามที่เก็บรวบรวมเพื่อวิเคราะห์ผลการสำรวจ




ภาพที่7-9 แบบสอบถามที่ผ่านการวิเคราะห์เรียบร้อย



การจัดทำโครงงานสำรวจเรื่อง การสำรวจพฤติกรรมการรับรู้ข่าวสารผ่านอินเทอร์เน็ตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้า สามารถสรุปผลการดำเนินโครงงานและข้อเสนอแนะ ดังนี้


สรุปผลการดำเนินโครงงาน



จากสมมติฐานโครงงานนี้ที่ว่านักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้ามีการใช้ Facebook เป็นช่องทางในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารมากที่สุด ผลการสำรวจพบว่า  

LINE เป็นช่องทางที่กลุ่มตัวอย่างใช้ในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเป็นประจำมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 90.90 ส่วน Facebook เป็นอันดับสอง คิดเป็นร้อยละ 86.67 
มีความสอดคล้องกับงานวิจัยเรื่องพฤติกรรมการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีของ ขวัญวิทย์ ตาน้อย (2554) ที่ว่าส่วนใหญ่เป็นสมาชิก Facebook ใช้บริการ 7 วันต่อสัปดาห์ โดย ณ เวลานั้นยังไม่มี Application LINE เข้ามา แต่ปัจจุบันเมื่อมี LINE เข้ามาเป็นที่นิยมเป็นอันดับหนึ่ง Facebook ก็ยังคงความเป็นที่นิยมไว้เป็นอันดับสอง และยังสอดคล้องกับแนวคิดทฤษฎีและปัจจัยการรับรู้ข่าวสาร (Klapper, J.T., อ้างถึงใน วังทราย อินทะวัน , 2553, น15) โดยแม้ LINE จะเป็นช่องทางที่มีความนิยมสูงสุด แต่ช่องทางอื่นๆ ก็ยังได้รับความนิยมและมีผู้ใช้งานอยู่บ้าง ตรงกับลีลาในการสื่อสารที่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเลือกเปิดรับข่าวสาร


สมมติฐานต่อมาคือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้าสายวิทย์-คณิตมีการใช้ Facebook เป็นช่องทางในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารมากที่สุด ส่วนสายศิลป์-คำนวณมีการใช้ LINE เป็นช่องทางในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารมากที่สุด ผลที่ได้ไม่สอดคล้องกับสมมติฐาน คือ 
ทั้งสายวิทย์-คณิตและศิลป์-คำนวณมีการใช้ LINE เป็นช่องทางในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเป็นประจำมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 83.33 และ 100 ตามลำดับ ส่วน Facebook เป็นอันดับสองทั้งสองสายการเรียนเช่นเดียวกัน 
สรุปได้ว่าสายการเรียนไม่ได้มีผลต่อการเลือกใช้ช่องทางในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านอินเทอร์เน็ตของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้า


สมมติฐานสุดท้ายคือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้ามีการใช้อินเทอร์เน็ตในช่วงเวลาหัวค่ำมากที่สุด ผลที่ได้สอดคล้องกับสมมติฐานคือ 
กลุ่มตัวอย่างสืบค้นข้อมูลข่าวสารเป็นประจำมีความถี่สูงสุดในช่วงเวลาหัวค่ำ (18.00-22.00 น.) คิดเป็นร้อยละ 66.67 และรองลงมาคือช่วงเวลาเย็น (14.00-18.00 น.) คิดเป็นร้อยละ 39.40 ส่วนช่วงเวลาที่ไม่เคยสืบค้นข้อมูลข่าวสารสูงสุดคือ เช้ามืด (2.00-6.00 น.) คิดเป็นร้อยละ 39.40 
มีความสอดคล้องใกล้เคียงกับงานวิจัยเรื่องพฤติกรรมการใช้เครือข่ายสังคม (Social  Network) เพื่อพัฒนาในการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการศึกษา ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐมของทัตธนันท์ พุ่มนุช (2555) ที่ว่าช่วงเวลาที่บุคลากรทางการศึกษาส่วนใหญ่ใช้งานเครือข่ายสังคมคือช่วงเวลา 18.01-24.00 น. และยังมีความสอดคล้องกับแนวคิดทฤษฎีและปัจจัยการรับรู้ข่าวสาร (Klapper, J.T., อ้างถึงใน วังทราย อินทะวัน , 2553, น15) โดยช่วงเวลาที่สืบค้นข้อมูลข่าวสารเป็นประจำมากที่สุดคือ ช่วงเวลาหัวค่ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากเลิกเรียน นักเรียนจึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้สื่ออินเทอร์เน็ตในการรับรู้ข่าวสารเพื่อเป็นประโยชน์ในการทำการบ้านหรือแสวงหาความรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากหนังสือเรียน ดังนั้น การใช้ประโยชน์และสภาวะจึงเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการเลือกเปิดรับข่าวสารของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้า



ปัญหาและอุปสรรคปัญหา อุปสรรค และแนวทางในการพัฒนา



ในระหว่างการดำเนินการเก็บรวบรวมแบบสอบถามจากนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง แบบสอบถามในส่วนของนักเรียนสายการเรียนศิลป์-คำนวณเกิดการสูญหายไป 3 ฉบับ ทำให้จำนวนแบบสอบถามที่ใช้ในการศึกษามีไม่ครบตามเป้าที่ตั้งไว้


ข้อเสนอแนะ


จากผลสำรวจ ช่องทางในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ Facebook และนักเรียนส่วนใหญ่นิยมเข้าถึงข้อมูลขาวสารในช่วงเวลาหัวค่ำมากที่สุด ดังนั้น หากต้องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่างๆ โดยมีเป้าหมายหลักเป็นนักเรียนกลุ่มดังกล่าว ช่องทางที่เหมาะสมที่สุดคือ Facebook และควรเผยแพร่ในช่วงเวลาหัวค่ำ